โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (และมีการเรียก วิทยุโทรศัพท์) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่น
โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรก ถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม
วิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ
- 1G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ analog ให้บริการเสียงอย่างเดียว ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น NMT, AMPS, DataTac เริ่มใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ.1980
- 2G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น GSM, cdmaOne, PDC ให้บริการทั้งเสียงและข้อมูล มีการทำงานแบบ circuit switching ที่ความเร็ว 9.6-14.4 kbps
- 2.5G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่เริ่มนำระบบ packet switching มาใช้ ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น GPRS ความเร็ว 20-40 kbps
- 2.75G ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น CDMA2000 1xRTT, EDGE ให้ความเร็วน้อยกว่า 100 kbps
- 3G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความสามารถครบทั้งการสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลรวมถึงวิดีโอ ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น W-CDMA, TD-SCDMA, CDMA2000 1x-EVDO ความเร็ว มากกว่า 144 kbps
- 3.5G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้นกว่า 3G เช่น HSDPA ใน W-CDMA
- 4G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ Real-Digital สามารถเชื่อมต่อข้อมูล 3 แบบ ภาคพื้นดิน CDMA PA-H และการเชื่อมต่อ ewifi และ Wi-Max เพื่อการเชื่อมภาพและเสียงเป็นข้อมูลเดียวกัน
ระบบปฏิบัติการมือถือ
- ซิมเบียน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในค่ายโนเกีย
- วินโดวส์โมบาย จะใช้กับโทรศัพท์มือถือที่เป็น PDA (Personal digital assistants)
- ไอโอเอส (iOS) ใช้เฉพาะใน ไอโฟน ไอแพด และไอพอด
- แบล็กเบอร์รีโอเอส (BB)
- แอนดรอยด์ จากกูเกิล
- เว็บโอเอส (webOS)
- มีโก (MeeGo) จากโนเกีย
- วินโดวส์โฟน
- จาวา
- บาดา
ความเชื่อที่ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวนั้น ปัจจุบันได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลกแล้ว โดยองค์การฯ ได้บรรจุโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ในรายชื่อวัตถุก่อมะเร็งซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงานเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554โดยจัดว่ารังสีโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็น "วัตถุก่อมะเร็ง" และ "อาจก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์" ได้ รายงานดังกล่าวออกมาหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทบทวนการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยของโทรศัพท์เคลื่อนที่ งานวิจัยหนึ่งว่าด้วยการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในอดีตนั้นได้ถูกอ้างอิงในรายงานซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างหนักจะมีความเสี่ยงเป็นเนื้องอกในสมองมากขึ้นถึง 40% (รายงานการใช้โดยเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลาติดต่อกันนานกว่า 10 ปี)ซึ่งรายงานดังกล่าวตรงกันข้ามกับการสรุปก่อนหน้านี้ซึ่งไม่คาดว่ามะเร็งจะเกิดขึ้นเป็นผลมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสถานีฐาน และการทบทวนดังกล่าวไม่ได้พบหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นแต่อย่างใด
ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ
บริษัทโนเกียประสบความสำเร็จอย่างมากในผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ในช่วงปี 40-45
โดยรุ่นที่ได้รับควมนิยมสูงสุดของ NOKIA คงจะหนีไม่พ้น รุ่น 3310 , 3315 ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตในสมัยนั้นจริงๆ ผมเองก็เป็นแฟนตัวยงของสองรุ่นนี้ ไม่ว่าเราจะทำกับมันยังไง ขวาง หรือตก ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับมัน เลย
โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนอกจากจากความสามารถพื้นฐานของโทรศัพท์แล้ว ยังมีคุณสมบัติพื้นฐาน
ของโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นมา เช่น การส่งข้อความสั้นเอสเอ็มเอส ปฏิทิน นาฬิกาปลุก ตารางนัดหมาย เกม การใช้งานอินเทอร์เน็ต บลูทูธ อินฟราเรด กล้องถ่ายภาพ เอ็มเอ็มเอส วิทยุ เครื่องเล่นเพลง และ จีพีเอส รวมไปถึงความสามารถที่คล้ายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกกันว่า สมาร์ตโฟน ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกซื้อกัน หลายต่อหลายยี่ห้อ แต่ที่มียอดขายต่อรุ่นมากที่สุด ก็คงจะเป็น iphone รองลงมาก็ Sumsung ที่มีรุ่นมากมาย เหลือเกินจนจำไม่ได้เลย
ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวน 12.4 ล้านคน
มาเป็น 4,600 ล้านคน คร่าวๆ ก็คงจะมีเพียงเท่านี้ ส่วนใครที่พอมีกะตั้งอยากจะได้รุ่นไหนก็สามารถ ไปเลือกได้ ตามร้านต่างๆกันเอาเอง ตามรายได้ ตามความเหมาะสม แต่ถ้าลืมว่าการมีโทรศัพท์แพงๆ มันได้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น ขอบคุณที่ติดตาม
ท้ายสุดก็เช่นเดิม ไม่รู้ว่าแฟนใคร
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น